ประวัติความเป็นมา

กลุ่มบริษัทดัชมิลล์ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่ดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ด้วยฝีมือคนไทย ภายใต้แนวทางการบริหารที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการพัฒนาการผลิต และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความพึงพอใจลูกค้า เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ เพื่อสุขภาพคนไทยทุกคน

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดัชมิลล์ ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมคุณภาพ อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค และมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย เราจึงมุ่งตอบแทนสังคม ด้วยการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพคนไทย สร้างสังคมดี และใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ขยายตัวสู่ธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ

บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2527 ในนาม “บริษัท โปร ฟู้ด จำกัด” ด้วยการรวมตัวของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์การอาหาร จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เล็งเห็นความสำคัญของ “นม” ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์อย่างมหาศาล และยังสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารนมเพื่อสุขภาพของคนไทย ด้วยการผลิตโยเกิร์ต และนมเปรี้ยวพร้อมดื่ม ภายใต้ชื่อ “ดัชมิลล์” โดยมี “ บริษัท โปรมาร์ท จำกัด” เป็นผู้จัดจำหน่าย

ก่อตั้งโรงงานแห่งแรก ที่ จ.นครปฐม

จากจุดเริ่มต้นแห่งความมุ่งมั่น ผลิตภัณฑ์นม ตรา “ดัชมิลล์” จึงเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ดัชมิลล์จึงก่อตั้งโรงงานแห่งแรกขึ้นบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 8 อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย “นมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบบพาสเจอร์ไรส์” และ “นมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบบยูเอชที” เมื่อตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดัชมิลล์จึงได้ขยายช่องทางการขายผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มดัชมิลล์พาสเจอร์ไรส์ สู่ตลาดต่างจังหวัดด้วยระบบขายตรง ผ่านศูนย์จำหน่าย ซึ่งมี “สาวดัชมิลล์” เป็นพนักงานขายตรง ทำหน้าที่แนะนำผลิตภัณฑ์ดัชมิลล์ถึงหน้าประตูบ้านผู้บริโภคทั่วประเทศ

ขยายโรงงานแห่งที่สอง ที่ จ.นครสวรรค์

เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจที่เติบโต และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2540 ดัชมิลล์ได้สร้างโรงงานแห่งที่สองขึ้นที่ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทั้งนำเอาเครื่องมือการบริหารการจัดการแบบสากล อาทิ MRPII, SAP, TQM และ TPM มาใช้ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร

นอกจากนี้ดัชมิลล์ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์นม ไปยังประเทศในเอเชีย ได้แก่ จีน, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์, สิงค์โปร, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, บรูไน, มัลดีฟส์, ภูฏาน, ปาเลสไตน์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และพร้อมที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายสู่เวทีสากลระดับโลกต่อไป

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดัชมิลล์ ประกอบด้วย

1. บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด (Dutch Mill Company Limited)
ดำเนินธุรกิจ :

ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตด้วยกรรมวิธีพาสเจอร์ไรส์ โดยมีผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่ม ดัชมิลล์พาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ตดัชชี่ นมสดดัชมิลล์ และนมเปรี้ยวดีไลท์

2. บริษัท แดรี่ พลัส จำกัด (Dairy Plus Company Limited)
ดำเนินธุรกิจ :

ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตด้วยกรรมวิธียูเอชที โดยมีผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มดัชมิลล์ยูเอชที นมถั่วเหลืองดีน่า และเครื่องดื่มมอลต์สกัด รสช็อกโกแลต ดีมอลต์

3. บริษัท ดีเอ็มดีแอล จำกัด (มหาชน) DMDL Public Company Limited
ดำเนินธุรกิจ :

จัดจำหน่าย และกระจายสินค้าของบริษัทในเครือ รวมทั้งดูแลช่องทางการขาย ศูนย์กระจายสินค้า และธุรกิจอาราบัส

วิสัยทัศน์

“เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านการผลิตและการตลาด ผลิตภัณฑ์นมที่ดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน”
To be one of the best manufacturing and marketing companies of dairy products in ASEAN

ภารกิจ (Mission)

สร้างสรรค์ความเป็นเลิศในสินค้า และการบริการ อันนำมาซึ่งความประทับใจของลูกค้า
ยกระดับความสามารถพนักงานโดยมุ่งเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างไม่สิ้นสุด
ปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันที่ดีกว่า

ค่านิยมองค์กร กลุ่มบริษัทดัชมิลล์ (Corporate Core Values)

กลุ่มบริษัทดัชมิลล์ มุ่งมั่นใส่ใจใน “คุณภาพ” โดยยึดหลักแนวทางแห่งการทำงาน 3 ประการคือ

เทคโนโลยีการผลิต

เทคโนโลยีการผลิต และควบคุมคุณภาพ

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สุดในความสำเร็จของดัชมิลล์ คือ ความเอาใจใส่เรื่องคุณภาพในทุกขั้นตอน ซึ่งถือเป็นหลักปฎิบัติพื้นฐานของบริษัท เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยด้านอาหาร และคุณประโยชน์ที่ดีก่อนถึงมือผู้บริโภค โดยเริ่มจากฟาร์มโคนม ศูนย์รับน้ำนมดิบ ขั้นตอนการผลิต การบรรจุ ตลอดจนจัดจำหน่าย ก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ มั่นใจได้ 100%

ใส่ใจในคุณภาพทุกขั้นตอน “อาหารปลอดภัย” ด้วยมาตรฐาน GMP, GHPs และ HACCP ในทุกกระบวนการผลิตมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าตรงตามมาตรฐานระบบคุณภาพระดับสากล ได้แก่ หลักการทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหาร (GMP, GHPs) และใช้ระบบการวิเคราะห์อันตราย และจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร (HACCP) จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดัชมิลล์ปลอดภัยจากการปนเปื้อนทางกายภาพ และการปนเปื้อนทางเคมี

บริษัทได้พัฒนาหลักปฎิบัติในการควบคุมคุณภาพในรูปแบบเฉพาะของดัชมิลล์ ที่มุ่งเน้นตรวจสอบในจุดสำคัญ โดยยึดถือหลักการ และขั้นตอนแห่งการสร้างสรรค์สินค้าคุณภาพ ดังนี้

มาตรฐาน GMP : Good Manufacturing Practice

ให้คุณ “มั่นใจ” ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นตรงตามมาตรฐานระบบคุณภาพระดับสากล
G = GOOD (ดี)
M = MANUFACTURING (การผลิต)
P = PRACTICE (หลักเกณฑ์วิธีการ)

มาตรฐาน GMP คือ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ดีในการผลิต เป็นเครื่องหมายในการรับรองคุณภาพการผลิตของผู้ผลิต ที่ผลิตอาหารอย่างปลอดภัย และทำให้ผู้บริโภคมั่นใจด้วยว่าสินค้าที่ออกจากผู้ผลิตนี้มั่นใจได้ โดยมีหลักเกณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่สถานที่ที่ประกอบการ อาคาร จนไปถึงกระบวนการผลิตสินค้า นับตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มการวางแผนผลิต วัตถุดิบ การจัดเก็บ และรวมไปถึงการขนส่งไปจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อให้ทุก ๆ กระบวนการผลิตมีความปลอดภัย ได้คุณภาพ ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน

มาตรฐาน GHP : Good Hygiene Practices
มาตรฐาน GHPs คือ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นเกณฑ์หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิต และควบคุมให้ผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดยเน้นการป้องกัน และขจัดความเสี่ยงที่อาจทำให้อาหารเป็นอันตราย เป็นพิษ หรือเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคโดยครอบคลุมตั้งแต่แหล่งผลิตวัตถุดิบจนสินค้าถึงมือผู้บริโภค

มาตรฐาน HACCP : Hazard Analysis and Critical Control Point
HACCP คือ การวิเคราะห์จุดอันตราย และจุดควบคุมวิกฤติ ซึ่งเป็นระบบจัดการคุณภาพด้านความปลอดภัยเป็นหลัก โดยจะมีสิ่งที่เรียกว่า CCP หรือ Critical Control Point มาใช้ในการควบคุมการผลิตโดยครอบคลุมถึงการป้องกันปัญหาจากอันตราย 3 สาเหตุ คือ อันตรายจากชีวภาพ / อันตรายจากสารเคมี / อันตรายทางกายภาพ ปัจจุบัน HACCP จึงเป็นระบบที่ยอมรับในระดับโลก ว่ามีประสิทธิภาพในการรับประกันความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ส่งต่อไปยังผู้บริโภค

ดัชมิลล์ได้ให้ความสำคัญในกระบวนการจัดการด้านคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการป้องกันปัญหา และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย “ภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน GMP, GHPs และ HACCP ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดัชมิลล์ มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำจนถึงมือผู้บริโภค”

มาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001, ISO 22000 และ ISO45001

เพื่อให้การดำเนินงาน และการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานสากล ดัชมิลล์ยังได้รับการรับรอง ISO (International Organization for Standardization) จากองค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน ให้การวัดคุณภาพองค์กรต่าง ๆ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

  • ISO 9001 : 2015 มาตรฐานของระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management System : QMS)
    ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สำหรับบริหารกระบวนการให้ได้สินค้า หรือบริการที่มีคุณภาพ โดยมีการกำหนดแผนงานที่ชัดเจน และตรวจสอบได้

  • ISO 14001 : 2015 มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
    ให้องค์กรมีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับนโยบาย และแผนงานขององค์กร

  • ISO 22000 : 2018 มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของอาหาร
    ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมอันตรายด้านความปลอดภัยของอาหาร ตลอดเส้นทางห่วงโซ่อาหาร โดยมีการควบคุมตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน

  • ISO 45001 : 2018 มาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย ในการทำงาน
    เพื่อให้พนักงานในองค์กรมีความปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน รวมไปถึงเรื่องสุขอนามัย ความสะอาด สิ่งปนเปื้อน และการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน

ภายใต้ระบบคุณภาพ ISO จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ดัชมิลล์ ว่าได้มาตรฐานทั้งในเรื่องของคุณภาพ ความสะอาด ความปลอดภัย รวมถึงความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม

รางวัลเกียรติยศ

ดัชมิลล์มุ่งเน้นพัฒนารูปแบบ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้บริโภควางใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนรสชาติที่อร่อยถูกใจ ส่งผลให้ดัชมิลล์ได้รับรางวัลเกียรติยศต่าง ๆ อาทิ

  • Reader’s Digest Thailand Trusted Brand 2001-2015
  • Thailand Prime Minister’s Export Award
  • Thailand Most Admired Brand 2001-2015
  • Thailand Prime Minister’s Award for Outstanding Quality Management
  • Asian Energy Award
  • Thailand’s Most Chosen Brand in Dairy Sector Kantar 2021
  • Thailand’s Most Chosen Brand in Dairy Sector Kantar 2022
  • Brand Footprint Award Most Chosen Brand 2019